ฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเรื่องของปัญหาระบบทางเดินหายใจในระยะยาว เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อให้ได้เครื่องฟอกอากาศ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานวันนี้ จึงจะมาแนะนำวิธีการเลือก เครื่องฟอกอากาศ แบบพกพา เพื่อให้ร่างกายได้รับอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ ขอแนะนำให้รีบอ่านบทความนี้เลย!
แนะนำการเลือกเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาแบบไหนเหมาะกับคุณ
1. เลือกจากประเภทของเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา
เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ในปัจจุบันนี้มีหลายแบบที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ วันนี้เราจึงได้รวมเครื่องฟอกอากาศ แบบพกพา แบบต่าง ๆ เพื่อให้ตัดสินใจได้ว่าเครื่องฟอกอากาศแบบไหนจะเหมาะกับตนเองค่ะ
- เครื่องฟอกอากาศพกพาแบบห้อยคอ
เครื่องฟอกอากาศพกพาแบบห้อยคอ มีตั้งแต่รูปร่างเล็กเหมือนสร้อยคอ มีสายห้อยสำหรับคล้องคอ โดยจะใช้วิธีการปล่อยประจุไอออนลบจำนวนมหาศาล เพื่อดักจับฝุ่นภายในอากาศที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ มักจะมีน้ำหนักเบา ทำให้พกพาได้สะดวกเหมาะกับผู้ที่เดินทางไปไหนมาไหน หรือใช้งานขณะที่ไม่ได้นั่งอยู่กับที่ เช่น เวลาเล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย
- เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาทั่วไป
ขนาดของตัวเครื่องฟอกอากาศมีหลายขนาดด้วยกัน ตั้งแต่เล็กกะทัดรัดเหมาะแก่การนำมาห้อยคอแล้ว ยังมีเครื่องฟอกอากาศพกพาแบบทั่วไป ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ไม่ได้ใหญ่เหมือนเครื่องฟอกอากาศขนาดปกติที่ตั้งเอาไว้ตามห้อง เหมาะจะนำไปใช้งานในรถยนต์, ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน หรือที่อื่น ๆ ที่สามารถวางเอาไว้ใกล้ตัวได้ค่ะ
- เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาชนิดหน้ากาก
มาถึงเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา อีกหนึ่งแบบที่น่าสนใจ คือเป็นแบบหน้ากาก เป็นเครื่องฟอกอากาศพกพา ที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูงและสามารถใช้งานได้จริง ลักษณะเหมือนหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ระหว่างใช้งานเครื่องฟอกอากาศจะทำการดูดลมด้วยพัดลมภายในหน้ากาก และทำการฟอกอากาศผ่านชั้นกรองอากาศคุณภาพสูงอย่าง HEPA FILTER ให้คุณได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป
2. ขนาดที่เหมาะสมย่อมสะดวกต่อการพกพา
การเลือกเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา รูปแบบคล้องคอควรเลือกเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา หากเครื่องมีน้ำหนักมากเกินไปก็อาจทำให้ปวดเมื่อยคอได้
หรือถ้าเป็นเครื่องฟอกอากาศแบบตั้งโต๊ะที่ไม่ใหญ่เกินเพื่อจะได้มีกินเนื้อที่การทำงาน นอกจากนี้ควรเลือกเครื่องที่ไม่มีระบบอะโรม่า เพราะจะมีน้ำหนักเยอะ และแม้ว่าจะมีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกว่าหอมผ่อนคลาย แต่สำหรับบางคนอาจชวนปวดหัวได้เช่นกันค่ะ
3. เลือกให้ความสำคัญกับเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานที่ต่อเนื่องเป็นเรื่องแรก
เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งานต่อเนื่อง เพราะถ้าหากแบตเตอรี่หมดเร็วก็ทำให้ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า และไม่มีประโยชน์ที่จะพกพาไปไหนมาไหน ดังนั้น ทางที่ดีควรจะเลือกเครื่องที่สามารถใช้งานได้ 8-10 ชั่วโมงขึ้นไป จะได้ไม่ต้องคอยชาร์จไฟบ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องออกไปนอกบ้านค่ะ
สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ เพื่อความสะดวกในการใช้งานต่อเนื่องเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ควรเป็นเครื่องที่สามารถใช้สาย USB Adapter ในการชาร์จไฟได้ ไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแบตเตอรี่หมดกลางคัน ก็สามารถเสียบต่อกับโน้ตบุ๊ค หรือพาวเวอร์แบงค์ได้เลย หรือถ้าใช้งานในรถยนต์ ก็สามารถชาร์จกับเต้าเสียบในรถ ได้เช่นกันค่ะ
4. ตรวจสอบว่าดูแลรักษาง่ายและต้องเปลี่ยนแผ่นกรองหรือไม่
ตรวจสอบว่าดูแลรักษาง่ายและต้องเปลี่ยนแผ่นกรองหรือไม่ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนานคือ ต้องทำความสะอาดและเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศอยู่บ่อย ๆ ซึ่งบางครั้งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
บางคนไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแผ่นกรองเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาบ่อย ๆ ก็สามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ทำความสะอาดแผ่นกรองโดยอัตโนมัติ หรือบางรุ่นยังสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศให้สิ้นเปลืองอีกด้วย อย่าลืมเช็กข้อมูลให้ดีก่อนซื้อ
บทส่งท้าย
เนื่องจากปริมาณของฝุ่นละอองนั้นเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน การดูรักษาสุขภาพตนเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหาเกี่ยวกับโรคประจำตัวอย่าง “ภูมิแพ้” ยิ่งควรต้องหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้ แต่ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา สักชิ้นก็ควรหาข้อมูลและอ่านรีวิวประกอบให้แน่ใจว่า สินค้าที่คุณสนใจนั้นตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง และจะสามารถใช้งานได้คุ้มกับที่ลงทุนซื้อไปนั่นเอง